โรคหนองในเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในคลินิกของผมเลยครับ โดยทั่วไปกลุ่มเสี่ยงจะเป็นท่านชายที่ยังมีกิจกรรมทางเพศอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยอาการหนองในจะแสดงอาการภายใน 14 วันหลังจากสัมผัสคู่นอนที่ติดเชื้อเป็นน้ำสีเหลืองออกมาทางท่อปัสสาวะและมีอาการปัสสาวะแสบขัด บทความนี้ผมจะพูดถึงโรคหนองในที่เกิดจากเชื้อ โรคหนองใน Neisseria Gonorrhea ครับ.

โรคหนองในจากเชื้อ Neisseria Gonorrhea.
เชื้อตัวนี้ติดต่อผ่านกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ องค์การอนามัยโลกมีรายงานว่า ใน 1 ปีมีผู้ติดเชื้อหนองในทั่วโลกกว่า หนึ่งร้อยหกล้านคน โดยส่วนมากเป็นผู้ชายและพบมากขึ้นในกลุ่มชายรักชาย

ฝันร้ายของท่านชายคือ 50% ของผู้หญิงที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการของโรค ในผู้หญิงอาจพบเพียงอาการคันช่องคลอด ตกขาวผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อยเท่านั้น ตรงกันข้ามกับผู้ชายที่แสดงอาการมากกว่า 90% เนื่องจากโรคนี้สามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและการตรวจร่างกาย ดังนั้นการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นแค่ทางเลือกเสริมเท่านั้น การตรวจน้ำปัสสาวะเพื่อหาเชื้อหนองในด้วยวิธี PCR มีความแม่นยำมากกว่า 95% โดยใช้เพียงตัวอย่างน้ำปัสสาวะธรรมดาเท่านั้น

เมื่อวินิจฉัยโรคหนองในแล้ว การรักษาจะรักษาควบคู่ไปกับการรักษาโรคหนองในเทียม Chlamydia ไปด้วยเลย ซึ่งประกอบด้วยการฉีดยาฆ่าเชื้อเข้ากล้ามหนึ่งครั้งและยาฆ่าเชื้อแบบรับประทานหนึ่งสัปดาห์ และต้องอย่าลืมรักษาคู่นอนด้วยเสมอ เพื่อจัดการไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนอีกในอนาคต

หลายๆ ครั้ง คนไข้จะถามผมว่าถ้าเราไม่รักษาหนองในจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แน่นอนครับถ้าปล่อยไว้จะเกิดปัญหาโดยจะส่งผลโดยตรงต่อระบบสืบพันธุ์และความสามารถในการมีบุตรในอนาคตในทั้งหญิงและชาย รวมถึงกลุ่มโรคที่รักษาได้ยากที่เรียกว่าโรคปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรังที่หมอทางเดินปัสสาวะทุกคนจะปวดหัวมากในการรักษาโรคนี้ครับ
ความโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือโรคหนองในเป็นโรคที่รักษาได้ง่ายครับ อย่างไรก็ตามคนไข้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำตามนี้ครับ
- งดกิจกรรมทางเพศหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มรักษาโรคหนองใน
- พิจารณาสวมถุงยางอนามัยเสมอเมื่อมีกิจกรรมทางเพศกับคู่นอนหน้าใหม่ มีรายงานพบความเสี่ยงของโรคเอดส์ที่มากขึ้นถึง 27% ในกลุ่มคนที่เป็นโรคหนองในเนื่องจากพฤติกรรมทางเพศที่ต้องเจอคู่นอนหน้าใหม่เสมอ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้สวมถุงยางอนามัยดีกว่าครับ ขอให้ปลอดภัยจากโรคหนองในครับ
ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ ลองทัก ผม.





2 คิดเกี่ยวกับ “Gonorrhea infection: Am I infected?”