มีผู้ป่วยจำนวนมากมาพบผมโดยบ่นเรื่องการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือในทางการแพทย์ที่เราเรียกว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ พวกเขามักถามผมว่า "ทำไมต้องเป็นเค้า" บางคนเพิ่งเป็นครั้งแรก และมีอีกหลายคนที่เป็นอาการนี้มาหลายครั้งแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะพยายามดูแลตัวเองขนาดไหนก็ตาม สำหรับหัวข้อนี้ ผมจะเล่ากลไกของกระเพาะปัสสาวะอักเสบให้ฟัง เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆ ของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
มองหาอาหารเสริมสำหรับป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ? ลองดูเลยครับ!

กระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถแสดงอาการดังต่อไปนี้
- รู้สึกแสบร้อนหรือปวดเมื่อปัสสาวะ
- กลั้นปัสสาวะไม่ได้
- ปัสสาวะบ่อย
- รู้สึกหน่วงๆ ท้องน้อย
- ปัสสาวะเป็นเลือด (พบน้อย)
ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบส่วนใหญ่มักเป็นเพศหญิง มีรายงานว่า 10% ของผู้หญิงที่แข็งแรงดี จะเจอปัญหากระเพาะอักเสบปีละ 1 ครั้ง และตลอดชีวิตหนึ่งของผู้หญิงจะเป็นโรคนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง แบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดในโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ E. coli ซึ่งปกติมันจะอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ E. coli และไม่ทำอะไรอันตรายใดๆ เมื่ออยู่ในลำไส้ แต่จะสร้างปัญหาถ้ามันมาอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
E. coli สามารถอาศัยอยู่บริเวณฝีเย็บและปากช่องคลอดหลังจากที่เราเราถ่ายอุจจาระหลังจากนั้นมันสามารถปืนย้อนเข้ามาในท่อปัสสาวะ ด้วยอวัยวะที่คล้ายขา คำถามคือ “ร่างกายเรามีวิธีป้องกันอะไรมั้ยในการจัดการกับแบคทีเรีย?” คำตอบคือ “มีครับ” ปัสสาวะของคนเราสามารถผลักแบคทีเรียออกมาจากท่อปัสสาวะได้ก่อนที่จะเกิดการติดเชื้อ และภูมิคุ้มกันของเราสามารถจัดการเชื้อแบคทีเรียได้ก่อนที่มันจะสร้างปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียเองก็สามารถหลบอยู่ภายในเซลล์กระเพาะปัสสาวะของเราและหลบเลี่ยงการถูกกำจัดได้

หากแบคทีเรียไปถึงเซลล์ของกระเพาะปัสสาวะในที่สุด ในที่สุด อาการปัสสาวะของเราดังที่เรากล่าวถึงก็กำลังจะเกิดขึ้น หรือเราสามารถพูดได้ว่าตอนนี้กระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแล้ว ในระยะนี้ ยาเม็ดยาปฏิชีวนะจะมีบทบาทสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรับประทาน เหตุผลในการใช้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทานคือ การกินยาเม็ดที่ถูกต้องโดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ควบคู่ไปกับความเป็นไปได้ของปัญหาการดื้อยาในอนาคต โดยทั่วไปการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะอย่างง่ายจะต้องไม่จู่โจมหรือเกิดขึ้นกับเรามากกว่า 2 ครั้งในระยะเวลา 6 เดือน หรือไม่ก็นับได้ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง มิฉะนั้นเราจะถือว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นซ้ำ และถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะต้องทำงานพิเศษเพื่อขจัดสาเหตุ
แน่นอนครับ การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ เมื่อเรารู้แล้วว่าเชื้อ E. coli ทำให้เราติดเชื้อได้อย่างไร ต่อไปนี้จะเป็นข้อแนะนำในการป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (ซึ่งส่วนใหญ่คุณหมอที่ดูแล จะบอกไม่ค่อยละเอียด)
- ดื่มน้ำ > 2 ลิตรต่อวันและสังเกตสีของปัสสาวะว่าใสดีหรือไม่ (ปัสสาวะสีเหลืองแปลว่าคุณอาจดื่มน้ำไม่เพียงพอ)
- อย่ากลั้นการปัสสาวะ – การกลั้นปัสสาวะจะทำให้เชื้อโรคมีเวลาเดินทางไปถึงกระเพาะปัสสาวะ
- มีอาหารเสริมหลายชนิดที่มีรายงานว่าสามารถลดอัตราการติดเชื้อได้
หากคุณมีคำถามอะไร ผม มาได้เสมอครับ





4 คิดเกี่ยวกับ “Why my bladder got infected?”